ชุมพร –  ผลักดันพืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ พร้อมจับมือ 6 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เดินหน้ายกระดับผลิตและแปรรูปครบวงจร

ชุมพร –  ผลักดันพืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ พร้อมจับมือ 6 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เดินหน้ายกระดับผลิตและแปรรูปครบวงจร

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=vI9pD0ES4Ac[/embedyt]

วันที่ 6 กันยายน 2565 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) , กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) , ร่วมกับ จังหวัดชุมพร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) , มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) , กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร, บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) , และ บริษัท เกษตรศิวิไลซ์ จำกัด จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง “การส่งเสริม
และยกระดับการผลิตกระท่อมสู่พืชเศรษฐกิจอย่างครบวงจร” เพื่อให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่
ที่จะสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทยและส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ โดย นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการ
จังหวัดชุมพร, ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ, นายพีระ กาญจนพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 8 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด,
ผศ.ดร.วศิน สุวรรณรัตน์ รองอธิการบดีวิทยาเขตหาดใหญ่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นายธีระศักดิ์ ยมสวัสดิ์ เกษตรจังหวัดชุมพร กรมส่งเสริมการเกษตร นายสมชาย มณีโชติ เจ้าพนักงานการเกษตรชำนาญงาน
กรมวิชาการเกษตร ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) และนายพีรธัช สุขพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เกษตรศิวิไลซ์ จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง
ความร่วมมือ ณ ศาลากลางจังหวัดชุมพร โดยภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการ “การบริหารจัดการพืชกระท่อม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของจังหวัดชุมพร” นำโดย ผศ.นพ.วรวิทย์ วาณิชย์สุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และคณะ นอกจากนี้ คณะผู้บริหารหน่วยงาน นักวิจัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้เยี่ยมชมแปลงกระท่อมต้นใหญ่ ในพื้นที่ตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร และแปลงเพาะกล้าพันธุ์กระท่อม ในพื้นที่ตำบลท่าหิน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร

นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า จังหวัดชุมพร มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ วช. และ ม.อ. เล็งเห็นถึงศักยภาพที่เหมาะสมในการปลูกพืชกระท่อม ซึ่งหากมีการส่งเสริมการปลูกและใช้ประโยชน์
ของพืชกระท่อมอย่างต่อเนื่อง คาดว่าพืชกระท่อมจะเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ ที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรใน
จังหวัดชุมพร สอดคล้องกับจุดประสงค์ของรัฐบาลที่จะผลักดันให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย และช่วยเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรยังขาดองค์ความรู้ด้านการปลูกพืชกระท่อม การดูแลรักษา มาตรฐานพืชกระท่อม การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โอกาสกระท่อมไทยในตลาดโลก นโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวกับพืชกระท่อม ตลอดจนการแปรรูป ซึ่งจะทำให้ผลผลิตพืชกระท่อมมีมูลค่าเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการนำสถาบันการศึกษา องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน เข้ามามีบทบาทร่วมกันเพื่อวิจัย ส่งเสริมเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อการผลิตพืชกระท่อม จังหวัดชุมพรยินดียิ่งที่หน่วยงานต่าง ๆ เห็นความสำคัญ และเลือกพื้นที่อำเภอเมืองชุมพร อำเภอทุ่งตะโก และอำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพรเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งวัตถุดิบต้นน้ำของอุตสาหกรรมพืชกระท่อม
ที่มีคุณภาพ มีการรับรองตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี ให้ได้ผลิตผลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เพื่อให้
พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจ ตัวใหม่ที่จะสร้างรายได้ให้เกษตรกร และส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับประเทศได้ต่อไป

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว. ได้ส่งเสริมสนับสนุนในการนำองค์ความรู้จากงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาช่วยเสริมประสิทธิภาพ ในมิติระบบการทำงานต่างๆ ซึ่งทาง วช. ได้สนับสนุนงบประมาณให้กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 เพื่อดำเนินโครงการเรื่อง “การประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากพืชกระท่อมเพื่อสุขภาพ” โดยเน้นทางด้านสุขภาพ ด้านความเชื่อมั่น และองค์ความรู้ เพื่อให้เห็นคุณประโยชน์ ทั้งนี้ วช. มอบให้
ผศ.นพ.วรวิทย์ วาณิชย์สุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ ม.อ. เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดองค์ความรู้ด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากสารสกัดพืชกระท่อม และใช้เป็นฐานข้อมูลในการผลักดันพืชกระท่อมที่มีมาตรฐาน รวมทั้งสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มีไปสู่ชุมชนและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากได้ ในปี 2565 วช. ได้สนับสนุนงบประมาณต่อเนื่องเพื่อดำเนินโครงการเรื่อง “ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากพืชกระท่อมเพื่อสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก” โดยมุ่งหวังที่จะขับเคลื่อนการต่อยอด และขยายผล องค์ความรู้ งานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปใช้จริงและเกิดประโยชน์โดยตรงกับชุมชนในการพัฒนายกระดับกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานและตรงกับความต้องการของตลาด เกิดผลสัมฤทธิ์ในการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
อันจะนำไปสู่การสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ชุมชน และเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่เป้าหมายอย่างยั่งยืน ตลอดจนผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ต่อไป

ผศ.นพ.วรวิทย์ วาณิชย์สุวรรณ หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า โครงการ “ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากพืชกระท่อมเพื่อสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก” ที่ได้รับการสนับสนุน จาก วช. เป็นการส่งเสริมให้ปลูกพืชสมุนไพร (กระท่อม) ที่ถูกต้องตามมาตรฐานแก่เกษตรกร และส่งเสริมการปลูกในระดับมาตรฐานการปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ อาหารและยา โดยการนำผลิตภัณฑ์
จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องดื่มเข้มข้นจากสารสกัดใบพืชกระท่อมกลิ่นกาแฟ เพื่อส่งเสริมสุขภาพทำให้ร่างกายสดชื่น  แคปซูลผงแกรนูลจากสารสกัดใบพืชกระท่อม เพื่อใช้เป็นผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำตาลในเลือด และตำรับครีมเพื่อใช้บรรเทาอาการปวดข้อเข่า โดยขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์และนำไปทดลองตลาด รวมทั้งผลักดันให้เกิดชุมชนต้นแบบในการเตรียมแปลงปลูกพืชกระท่อมที่มีมาตรฐานอย่างน้อย 1 ชุมชนต้นแบบ ทั้งด้านการเพาะปลูกตามระบบ GAP การเก็บเกี่ยวผลผลิต การขนส่งผลผลิตมาสู่โรงงานอุตสาหกรรม ขยายผลต่อในด้านการตลาดโดยมีเอกชนเป็นผู้รับผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้พัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ รวมถึงการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจของผลิตภัณฑ์สมุนไพรพืชกระท่อมเพื่อสุขภาพ

 

การลงนามฯ ของหน่วยงานทั้ง 8 หน่วยงานครั้งนี้ ถือเป็นบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนและยกระดับการผลิตพืชกระท่อมสู่พืชเศรษฐกิจ ด้วยการนำองค์ความรู้ งานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปส่งเสริมสนับสนุน และผลักดันให้เกิดชุมชนต้นแบบที่มีความพร้อมและความสามารถในการผลิตพืชกระท่อมให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน สร้างรายได้และยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน พร้อมทั้งต่อยอดให้เกิดผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากสารสกัดพืชกระท่อมที่มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างครบวงจร

ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514

Related posts