ร้านกาแฟมวลชน สาขาหอนาฬิกา อ.เมือง จ.นราธิวาส โดยเป็นผลผลิตที่น่าภาคภูมิใจของหลักสูตรเถ้าแก่เล็ก สถาบันผู้นำ เครือฯ มีเป้าหมายหลักคือ สร้างผู้ประกอบการชาว 3 จังหวัดชายแดนใต้ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างเศรษฐกิจ ลดความขัดแย้ง สร้างสันติสุขในพื้นที่
นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และคุณนุชรัตน์ พรพุทธษา ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด เป็นประธานในพิธีเปิดงานร้านกาแฟมวลชน สาขาหอนาฬิกานราธิวาส โดยมีกิจกรรมการบรรยายจาก นายธนพันธ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของร้าน Penguin Eat Shabu นายเมธี อรุณ นักร้องนำวงลาบานูน และวัฒกร เสาร์ศรีอ่อน เจ้าของร้าน Middle man cafe ร่วมแชร์ประสบการณ์ในยุควิกฤติโควิดและวิธีการปรับตัวฟื้นฟูกิจการอย่างยั่งยืน ที่ ร้านกาแฟมวลชน สาขาหอนาฬิกา อ.เมือง จ.นราธิวาส
นายมูซา เจ๊ะแว ผู้ช่วยผู้จัดการแผนก Talent and Development กล่าวว่า โจทย์ของการมีร้านกาแฟมวลชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของบริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) คือ ต้องการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับสังคม ชุมชนในพื้นที่ 3 จังหวัด โดยร้านกาแฟมวลชน สาขาหอนาฬิกา นราธิวาส เป็นสาขาที่3 ซึ่งสาขาแรกยะลา สาขาที่2ปัตตานี “ร้านกาแฟมวลชน หอนาฬิกา สาขาแรกนราธิวาส เป็นร้านเฟรนไชส์แห่งที่2 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งสาขาแรกที่ปัตตานี จึงถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่มีโอกาสได้สร้างงานให้เกิดขึ้นในพื้นที่” นายมูซา กล่าวต่อว่า
ขณะนี้เรามีร้านกาแฟมวลชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 แห่ง สาขาแรกยะลา สาขา2ปัตตานี และสาขา3นราธิวาส โดยภาพรวมเกิดการจ้างงาน ประมาณเกือบ 30 คน อย่างไรก็ดี บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะการเปิดร้านกาแฟเท่านั้น แต่เรายังได้เข้าไปส่งเสริมเกษตรกรที่ อ.เบตง จ.ยะลา โดยมีโครงการรับซื้อเมล็ดกาแฟ และส่งเสริมเด็กในพื้นที่ได้ลองทำธุรกิจจริง
นางสาวนูรฮัยณีย์ แลนิ ตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้จัดการแผนก Talent and Development กล่าวว่า ร้านกาแฟมวลชน เป็นหนึ่งในธุรกิจของ ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด บริษัทลูกในเครือบริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) โดยเริ่มต้นมาจากนโยบายที่เราได้รับจาก คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส อยากเห็น 3 จังหวัด ไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบ
โดย คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส บริษัท ซีพี มองว่า การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้อย่างแท้จริง คือ การทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้น โดยได้มอบนโยบายให้ทีมเราทั้ง 5 คน ลงมาในพื้นที่ 3 จังหวัด เพื่อเข้ามาดูแลพื้นที่และทำให้เศรษฐกิจที่นี้ให้ดีขึ้น “ซีพีมองว่า กำลังการซื้อของคนในพื้นที่ยังสูง และธุรกิจในพื้นที่ 3 จังหวัด ยังมีโอกาสเติบโต”
นางสาวนูรฮัยณีย์ กล่าวต่อว่า การมีกาแฟมวลชน คือ การสร้างงาน สร้างอาชีพ เรามีการส่งเสริม ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ โดยการปลูกเมล็ดกาแฟที่ กาเป๊ะกอตอ อ.เบตง จ.ยะลา และกลางน้ำ คือ การนำเมล็ดกาแฟมาขายให้กับร้านในสาขาต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงปลายน้ำ คือการเปิดร้านการแฟมวลชนและดึงคนในพื้นที่เข้ามาทำงานอยู่ในร้านกาแฟมวลชน
นายอับดุลมูไฮมีน จารง ผู้บริหารร้านกาแฟมวลชนสาขาหอนาฬิกา นราธิวาส อายุ25ปี กล่าวว่า เหตุผลที่ทำให้เขากล้าลงทุนซื้อธุรกิจแฟรนไชส์แบรนด์กาแฟมวลชนนั้น เพราะตนเชื่อมั่นในตัวแบรนด์กาแฟมวลชน ซึ่งนราธิวาสเป็นอีกสาขาที่ทำให้ตนกล้าลงทุน หลังจากสาขาแรกเปิดที่ปัตตานี“เป็นโอกาสที่ผมได้ลองเอาโมเดลร้านกาแฟมาลงเล่นใน 3 จังหวัด ผมเห็นศักยภาพว่า บ้านเราธุรกิจอาหารและร้านกาแฟยังสามารถไปต่อได้ จึงซื้อแฟรนไชส์กาแฟมวลชนมาเปิดที่นราธิวาส” นายอับดุลมูไฮมีน กล่าวต่อว่า ตนเป็นคน 3จังหวัด จึงเชื่อว่า พื้นที่บ้านเรายังมีโอกาสอยู่มาก เนื่องจากเคยไปใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯมาก่อน ทำให้ได้โอการมองเห็นการลงทุนในพื้นที่ ประจวบกับนักลงทุนก็ไม่กล้าเข้ามาลงทุนในพื้นที่ เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้ตนจึงตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์มาเปิดที่ปัตตานี และนราธิวาส
แม้ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จะทำให้นักธุรกิจไม่กล้าเข้ามาลงทุน เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ หรือด้วยสถานการณ์โรคระบาดโควิดในขณะนี้ก็ตาม แตสำหรับตนแล้ว กลับมองว่า พื้นที่ 3 จังหวัดเป็นพื้นที่ของโอกาส ทั้งโอกาสที่ตนได้รับ และโอกาสที่ตนได้สร้างงานให้กับคนในพื้นที่ “ในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส วันนี้ถือเป็นโอกาสของผมที่จะได้มาลองตลาด และสร้างงานให้คนในพื้นที่” นายอับดุลมูไฮมีน กล่าวต่อว่า การทำร้านกาแฟ ถือเป็นการตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่สำหรับการอ่านหนังสือ และพื้นที่ที่สามารถนั่งติวกับเพื่อนๆ
สำหรับร้านกาแฟมวลชน มีทั้งเมนูเครื่องดื่ม และเมนูทานเล่นอย่างโรตี เบเกอรี่ต่างๆที่มาจากในพื้นที่ และเป็นอาหารพื้นถิ่นของ3จังหวัด โดยร้านกาแฟมวลชน สาขาหอนาฬิกา นราธิวาส เปิดเวลา 07.00-21.00น.
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส