ชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ลงพื้นที่เยี่ยม “ชมรมคนพิการ วังน้ำเขียว”
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ลงพื้นที่เยี่ยม “ชมรมคนพิการ วังน้ำเขียว” ตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
และได้กราบสักการะ “องค์ หลวงพ่อคูณที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ณ .วัดบ้านไร่ 2 เดิมทีคือ วัดบุไผ่ ตั้งอยู่เลขที่ 105 หมู่ 5 ตำบลไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียวจังหวัดนครราชสีมา มีพระครูสุวัฒน์ชยาทร (เงียบ) เป็นเจ้าอาวาสและพล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ เป็นประธานกรรมการวัดบุไผ่ เดิม วัดบุไผ่เ ป็นเพียงสำนักสงฆ์เท่านั้นเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ 2495 โดยมีผู้ริเริ่มก่อตั้งครั้งแรกดังนี้ นายอุดม ณรงค์หนู นายถึก เจสันเทียะ และนายหล่อ ชนะภักดิ์ ร่วมกับชาวบ้านช่วยกันสร้างวัดขึ้นในเนื้อที่ของวัดประมาณ 21 ไร่ 2 งาน โดยมีสิ่งก่อสร้างเดิมกุฏิ 1 หลังศาลาการเปรียญ 1 หลัง เมรุ 1 หลัง ศาลาธรรมะสังเวช 1 หลัง และห้องน้ำเมื่อ พ.ศ. 2548 ได้รับความอนุเคราะห์จาก
พระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ โดยการนำของประธานวัดบ้านไร่ พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา หารือกับพระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ได้เห็นความลำบากของพ่อแม่พี่น้องชาวอำเภอวังน้ำเขียวที่ไม่มีอุโบสถที่จะประกอบศาสนกิจต้องลงไปบวชลูกหลานที่อำเภอปักธงชัยและอำเภอนาดี ดังนั้นหลวงพ่อคูณปริ สุทโธ จึงมีเมตตาให้ดำเนินการก่อสร้างอุโบสถวัดบุไผ่ขึ้น โดยมีกำหนดการก่อสร้างอุโบสถให้แล้วเสร็จเมื่อพ.ศ 2550 และได้มีการพัฒนาวัดบุไผ่ตามลำดับ
และ นายคติพจน์ ฐิระฐิติ ประธานชมรมฯได้นำเยี่ยมชมการดำเนินงานกิจกรรมแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยเท้าพ่อ (ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ) แนวทางเกษตรพื้นบ้าน โดยฝีมือจากคนพิการและครอบครัวคนพิการ
ศูนย์การปลูกผักออแกนิค(ไร้สารพิษ) การเลี้ยงหมูป่า การปลูกกล้วย การปลูกฝรั่ง และกิจกรรมต่างๆมากมาย รวมถึงพบปะพี่น้องประชาชนคนพิการ ที่มีอาชีพ “จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล” โดยได้รับความอนุเคราะห์ จาก พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ ประธานกรรมการมูลนิธิหลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก จัดเตรียมสถานที่ให้คนพิการ จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนพิการ มีอาชีพ มีรายได้ ดูแลตนเองและครอบครัว เพื่อที่จะได้ไม่เป็นภาระต่อสังคม อีกทั้งยังส่งเสริมให้คนพิการ สามารถออกจากบ้านและเรียนรู้สู่ภาคประชาสังคมได้อย่างปกติอย่างบุคคลทั่วไป