พิจิตร-ส่อเป็นเรื่องฉาว!เครือข่ายวัฒนธรรมพิจิตรแฉพิรุธโยกงบบวชเฉลิมพระเกียรติทำถุงยังชีพ

พิจิตร-ส่อเป็นเรื่องฉาว!เครือข่ายวัฒนธรรมพิจิตรแฉพิรุธโยกงบบวชเฉลิมพระเกียรติทำถุงยังชีพ

เครือข่ายชุมชนคุณธรรมพิจิตรเปิดโปงแฉพิรุธเงินอุดหนุนของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตรโอนเงินเข้าบัญชีวัดแต่ส่งเจ้าหน้าที่เจรจาขอเงินคืน พระสงฆ์ กรรมการวัด เปิดใจระบายเล่าเรื่อง ชี้ทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับเงินทอนวัด ซ้ำร้ายดูแล้วน่าจะหนักกว่าเพราะให้แล้วเอาคื

วันที่ 18 ก.ย. 2563 ส่อเป็นเรื่องฉาวเมื่อเครือข่ายวัฒนธรรมและเครือข่ายคุณธรรมในจังหวัดพิจิตรส่งหนังสือร้องเรียนถึงผู้สื่อข่าว เหตุทนไม่ไหวพบเห็นสิ่งที่ไร้คุณธรรม โดยชาวบ้านกลุ่มนี้ (ขอปกปิดชื่อ-นามสกุล แหล่งข่าว)เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ด้วยกระทรวงวัฒนธรรมมีนโยบายและโครงการบรรพชาอุปสมบทสามเณรภาคฤดูร้อนและบวชศีลจาริณีประจำปีงบประมาณ 2563 ในวันที่ 2 เมษายน 2563 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งต้องจัดสรรงบประมาณ(เงินอุดหนุน) ให้กับวัดที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 33 วัดๆละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 330,000 บาท จากนั้นวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตร ได้มอบหมายให้นักวิชาการผู้ประสานงานอำเภอประสานไปยังวัดที่เข้าร่วมโครงการ โดยได้ขอปรับเปลี่ยนกิจกรรมเป็นการจัดซื้อถุงยังชีพมอบให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด19 เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนั้นเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยศูนย์ ศบค.ได้กำหนดมาตรการ Social Distancing จึงทำให้โครงการบวชเฉลิมพระเกียรติถูกปรับเปลี่ยนเป็นการซื้อถุงยังชีพแจกให้กับพระภิกษุสงฆ์และประชาชน แต่ที่ส่อเป็นเรื่องฉาว คือ สนง.วัฒนธรรมพิจิตร ให้วัดเปิดบัญชีรอรับเงินอุดหนุน กรรมการวัดและเจ้าอาวาสก็พร้อมจะดำเนินการ แต่เรื่องกลับตาลปัตร เมื่อมีบุคคลอ้างตัวว่าได้รับคำสั่งมาจากวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตร ให้มาเจรจา คราวแรกขอเงินคืนวัดละ 2,000 บาท เพื่อเอาไปดำเนินการทำถุงยังชีพเป็นของส่วนกลาง พระสงฆ์และกรรมการวัดเห็นว่าเป็นเงินเล็กน้อยก็ตอบตกลง แต่เรื่องไม่ได้ง่ายเช่นนั้น พอวันถัดไปกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าได้รับคำสั่งมาจากวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตร ก็ใช้โทรศัพท์ บางแห่งก็มีคนมาด้วยตนเองบอกว่า เจ้านายขอเปลี่ยนนโยบาย ว่า จะขอเงินคืนจากการที่โอนเงินมาเข้าบัญชีวัดแล้ว “ขอคืนทั้งหมด” เพื่อเอาไปให้เจ้านายที่จังหวัดบริหารจัดการเอง ทำให้หลายวัดที่รู้ว่าจะทำเช่นนี้ต่างถอนตัวไม่ขอเอาด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะเข้าข่ายเหมือนกรณีเงินทอนวัด แผนการครั้งแรกมี 33 วัด ขอเข้าโครงการ แต่พอรู้ว่าจะมีเงินโอนเข้าบัญชีแล้วขอเงินคืนก็มีวัด 12 แห่ง ขอถอนตัว

จากนั้นก็มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับจังหวัดสั่งการให้เจ้าหน้าที่วัฒนธรรมผู้ประสานงานระดับอำเภอไปติดต่อหาวัดอื่นๆมาเสียบจนได้ครบ 31 วัด แต่ละวัดได้เงินวัดละ 10,000 บาท มีได้ 20,000 บาท 1 แห่ง , ได้ 13,000 บาท 1 แห่ง , ได้ 17,000 บาท 1 แห่ง รวมแล้ว 31 วัด มียอดเงินโอนอุดหนุนเข้าบัญชีวัดต่างๆ รวม 330,000 บาท จากนั้นทุกวัดก็ถูกเจ้าหน้าที่กลุ่มข้างต้นไปขอรับเงินคืน บางวัดเจ้าอาวาสก็ให้ลูกศิษย์วัดขับรถนำเงินถอนจากธนาคารมาส่งให้ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตรด้วยตนเอง

จากเรื่องและเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อความลับไม่มีในโลก จึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่คณะสงฆ์ของจังหวัดพิจิตรและในหมู่กรรมการวัดและญาติโยม เนื่องจากพระสงฆ์ เจ้าอาวาส และกรรมวัด ไวยาวัจกร เริ่มกลัวว่าจะติดร่างแหเงินทอน-เงินทวงคืน เพราะว่าวัดต่างๆในบัญชีธนาคารมีหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีที่เป็นเงินอุดหนุน ซึ่งหมายความว่าต้องทำเอง ต้องทำจริง แล้วหาใบเสร็จมาเพื่อทำรายจ่ายของเงินอุดหนุนนั้น แต่เรื่องจริงคือเงินอุดหนุนที่โอนมาผ่านบัญชีแล้วถูกทวงเงินคืนไป จึงกลายเป็นกระแสเรื่องฉาวที่ส่อเค้าว่ามีมูลความจริงเกิดขึ้นที่จังหวัดพิจิตรอยู่ในขณะนี้ สำหรับความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะได้สืบเสาะนำความจริงรายงานให้ทราบต่อไป

สิทธิพจน์ พิจิตร

 

Related posts