พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ทันทีที่ได้รับแจ้งลงพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วมในขต อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินตรงมายังพื้นที่ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยทันที

พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ทันทีที่ได้รับแจ้งลงพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วมในขต อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินตรงมายังพื้นที่ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยทันที

 


วันนี้ 2 ธันวาคม 2563 เมื่อเวลา 15:00 น. หลังจากลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำท่วมในเขตอำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ทันทีที่ได้รับแจ้งสถานการณ์น้ำท่วมในขต อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ตัดสินใจขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินตรงมายังพื้นที่ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยทันที โดยก่อนหน้านี้ได้สั่งการไปยังหน่วยทหารในพื้นที่ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทั้ง 8 ศูนย์ ในพื้นที่นครศรีธรรมราช เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยด่วน

เนื่องจาก ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมามีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 15 และมณฑลทหารบกที่ 41 เร่งให้การช่วยเหลือ เร่งขนย้ายสิ่งของและอพยพพี่น้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมายังศูนย์อพยพโดยด่วน พร้อมทั้งสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการเคลื่อนย้าย และอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

โดยแม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางมายังศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนเทศบาลวัดท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อมอบอาหารเครื่องดื่มสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นเบื้องต้น ให้กับผู้อพยพที่เดินทางมาอาศัยพักพิงชั่วคราว ประมาณ 60 ครัวเรือน จำนวน 230 คน โดยทาง จังหวัดนครศรีธรรมราชโดยผู้ว่าราชการจังหวัด เปิดอาคารเรียนอาคารที่ 1 และ 2 สำหรับผู้อพยพได้เข้าพักพิงและยังคงมีสำรองไว้อีก 2 อาคาร คาดว่าจะเพียงพอต่อผู้ลงทะเบียน เข้ารับการอบพยบที่มีมากถึง 167 ครัวเรือนจำนวน 687 คนในเขตเทศบาล

ภาพรวมสถานการณ์ยังคงมีฝนตกหนัก ต่อเนื่อง การให้ความช่วยเหลือมีความยากลำบากเนื่องจากน้ำมีปริมาณที่สูงขึ้น และยังคงต้องตั้งรับน้ำที่ไหลมาจากคีรีวงและลานสกา แม่ทัพภาคที่ 4 จึงได้สั่งการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ เร่งให้ความช่วยเหลือ บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ประสานการปฏิบัติตลอด 24 ชั่วโมงเบื้องต้นจัดรถครัวสนามและเร่งอพยพผู้คนที่ยังติดค้างมายังศูนย์อพยพโดยด่วน คาดว่าใช้เวลา 6-7 วันจนกว่าสถานการณ์น้ำจะคลี่คลายและลดระดับลง แต่หากน้ำยังคงท่วมขังการเข้าช่วยเหลือคงจะมีความยากลำบากจะต้องใช้ยุทโธปกรณ์ ปรับแผนการปฏิบัติโดยทันที


โดยแม่ทัพภาคที่ 4 กล่างว่า กองทัพบก โดยท่านผู้บัญชาการทหารบก พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เน้นย้ำให้หน่วยทหารทุกหน่วยได้เตรียมความพร้อมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากในห้วงปลายพฤศจิกายน-ธันวาคม ในพื้นที่ของภาคใต้มีมรสุมประจำทุกปี จึงได้ให้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของยุทโธปกรณ์กำลังพล และก็ให้มีการซักซ้อมตลอด โดยกองทัพภาคที่ 4 เอง ก็ได้สั่งการให้หน่วยดำเนินการสำรวจความพร้อม และทำหน้าที่ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยที่เกิดจากอุทกภัยเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ได้มีการแบ่งมอบพื้นที่เป็นอำเภอ เป็นเขตตำบลกันอย่างชัดเจน ว่าหน่วยไหนใครจะรับผิดชอบ

ประสานการปฏิบัติกับทางจังหวัด ทางอำเภอ ตำบลที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของแต่ละหน่วย เพื่อที่จะประสานข้อมูลการติดต่อสื่อสารเมื่อเกิดภัยธรรมชาติเกิดขึ้นให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หน่วยทหารทุกหน่วยไม่ต้องรอรับคำสั่งสามารถปฏิบัติได้ตามแผนได้ทันที พี่น้องประชาชนรวมไปถึงท้องที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถประสานการให้ความช่วยเหลือ เครื่องไม้เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่โดยตรงได้ตลอด สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในขั้นต้น ซึ่งมีอยู่หลายพื้นที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ทราบว่ามี 23 อําเภอ

ในขณะนี้แจ้งมาแล้ว 21 อำเภอเหลือ 2 อำเภอ คือทุ่งใหญ่ แลบางขัน คาดว่าคงได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการบรรเทาทุกข์ดูแลพี่น้องในการอพยพในพื้นที่ เข้าสู่พื้นที่พักพิงชั่วคราวและการโยกย้ายสิ่งของของพี่น้องที่บ้านเรือนน้ำท่วม เพื่อป้องกันความเสียหาย ได้ดำเนินการไปแล้ว ในส่วนของเรื่องอาหารการกินบรรเทาทุกข์นั้นได้สั่งการรถครัวสนามเข้ามาช่วยดำเนินการจัดตั้งในพื้นที่บรรเทาทุกข์ให้กับพี่น้องประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น


ปัจจุบันเส้นทาง ถนนเส้นทางหลักในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีเส้นทางถูกตัดขาด 7 สาย ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประสาน ศูนย์ป้องกันภัยจังหวัดนำเรือเข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว โดยห้ามสัญจรเส้นทางโดยเด็ดขาด เพราะยังมีน้ำหลากขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หวั่นพี่น้องประชาชนจะได้รับอันตราย
ขอบคุณภาพข่าวจากศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 4

Related posts